"What Is Truth?"

( เลื่อนลงเพื่อดูภาษาไทย
"“ความ จริง อะไร?”)

Jesus stood before the Roman governor and judge named "Pilate" who would determine if Jesus would be executed or not. 

Pilate asked Jesus, "Are you the king of the Jewish people?"

Jesus responded, "My kingdom is not of this world." 

Pilate said, "So you are a king!"

Jesus answered, "I am a king, and everyone who is of the truth hears my voice."

Then Pilate asked Jesus the question which must be asked and answered by all humanity:

"What is truth?"

I have traveled the world and found that all people have a few things in common no matter what are their cultural differences:

- All people want to be loved

- All people want comfort and security

- All people are aware that they are created as spiritual as well as physical creatures

- All people are aware that they will be judged for the things they have done during their time in     this physical world.

One common "truth" that all people understand is that "Judgment follows death". It is evident that all people know this "truth" whether they admit it to others or not. You see it when people face death or when they have loved ones who die. People believe they will exist beyond death and that they will encounter judgment for what they did while in this world. This is the reason all people fear death. They are concerned about what they will encounter following death. They know that their spiritual identity (soul) will continue after their physical body no longer exists. Even people who commit suicide do so with the hope of finding some sort of merciful "Judge" who will provide a sense of release, peace, or relief from the cruel, physical world.

People fear death because they know they have done things during their physical life that are wrong and they know they deserve to be punished. Ask anyone, "Are you perfect?" and they will admit that there are some things that they have done wrong. They have hurt someone, lied or cheated. Sometimes we do not help others who are in need and we know it is wrong to be greedy and keep all of our money instead of using it to help someone else. All people are aware that they will face a "judge" who will hold them accountable for all the wrong acts they did during their life.

"Religion" is the teaching, or method, about how people can receive mercy from the "Judge" they face following death. There are hundreds of religions teaching different ways to solve the problem of being punished after we die. All "religions" address this issue, "What can I do to avoid being condemned by "The Judge"?"

"All religions are good"

Most of us have heard the statement, "All religions are good". We hear it most often when we are talking to others about "our" religion. This statement, "All religions are good", is a method used by the person listening to move the conversation on to other issues that do not make us uncomfortable. It is intended to say, "You believe what you believe and I will believe what I believe."

There is some truth in the statement, "All religions are good" because almost all religions do include some teachings that are "good" and teach people to do good things in their life. But even if all religions teach something that is "good", all religions are "different" and teach different ways to prepare for death and "meeting the judge".

 "But ALL fruit is STRAWBERRIES!"

Saying "All religions are good" is like saying that "all fruit is strawberries". True, "strawberries" are fruit, but all fruit is not "strawberries"; only one. No two religions offer the same solution, or, "The Truth", about escape from the judgment that follows death. However, each religion proposes that it is the only religion that teaches the correct solution on how to prepare for death. Since every religion teaches a different method as being the "truth", it means that either all religions are wrong, or, if one religion is correct, it is the "only" one that teaches "The Truth".

  

You and I must decide what we will believe. Who will we believe? Or as The Judge, Pilate, asked Jesus, "What is truth?"

This is the most important decision we will make in our entire life. The decision to trust in one way as being "the truth" is more important than the decision about who we will marry, whether or not we will have children, where we will go to school or what occupation we will choose. No decision is as important as the decision about who we will believe and what will we  trust. It is the most important decision because not only does our life in this world depend upon our decision, our "eternal" destiny depends upon our making the correct decision.

God created all people with a spirit as well as a physical body. That is because God is Spirit. He gave us a spirit so that He can communicate with us to tell us what is "the truth" about what He wants us to do and how He wants us to use our life. He is "The Judge" we will meet after death. It would be foolish if God expected us to follow His "truth" and did not explain to us what it is. God does tell us "The Truth" and even gives us evidence to prove that it is His "Truth" so that you and I can decide if we will obey His "Truth" or not.

In later posts we will explain more about the "evidence" God has given us to prove what is God's "Truth" so that we can decide if we want to obey it or not.

Think about it. "Pray" about it.

“ความ จริง อะไร?”

พระเยซูทรงยืนอยู่ก่อนน้าที่เจ้า เมืองเป็นผู้ว่าราชการโรมันและผู้พิพากษาชื่อ "ปีลาต"  ปีลาตเป็นผู้ซึ่งจะตัดสินว่าพระเยซูจะถูกประหารชีวิตหรือไม่

เจ้า เมือง"ปีลาต" จึง ถาม พระเยซูว่า “ท่าน เป็น กษัตริย์ ของ พวก ยิว หรือ”

พระ เยซู ตรัส ตอบ ว่า “ราช อำ นาจ ของ เรา ไม่ ได้ เป็น ของ โลก นี้"

ปีลาต จึง พูด กับ พระ องค์ ว่า “ถ้า อย่าง นั้นท่าน ก็ เป็น กษัตริย์ น่ะ ซี"

พระ เยซู ตรัส ตอบ ว่า “ท่าน พูด ว่า เรา เป็น กษัตริย์ เพราะ เหตุ นี้ เรา จึง เกิด มา และ เข้า มา ใน โลก เพื่อ เป็น พยาน ให้ กับ สัจจะ ทุก คน ที่ อยู่ ฝ่าย สัจจะ ย่อม ฟัง เสียง ของ เรา

  ปีลาต ทูล ถาม พระ องค์ ว่า

“สัจจะ คือ อะไร?”

ผมได้เดินทางไปทั่วโลกและพบว่า ถึงแม้ว่าทุกคนในโลกนี้มีความแตกต่างทางวัฒนธรรมทุกคนมีบางสิ่งที่เหมือนกัน เช่น:

- ทุกคนอยากได้รับความรัก

- ทุกคนต้องการความสะดวกสบายและความปลอดภัย

- ทุกคนเข้าใจว่าพวกเขาถูกสร้างขึ้นมีจิตที่มีส่วนฝ่ายวิญญาณและมีส่วนฝ่ายกายภาพ

- ทุกคนเข้าใจว่าพวกเขาจะได้รับการพิพากษาสำหรับสิ่งที่พวกเขาได้ทำในช่วงเวลาของพวกเขาในยุคของพวกเขาในโลกนี้

 

"ความจริง" ที่ทุกคนเข้าใจกันก็คือ "การพิพากษาตามความตาย" เห็นได้ชัดว่าทุกคนรู้ "ความจริง" นี้ไม่ว่าพวกเขาจะบอกคุณหรือไม่ คุณเห็นพวกเขารู้เมื่อเขาพบความตายหรือเมื่อพวกเขามีคนที่รักที่เสียชีวิต ทุกคนเชื่อว่าพวกเขาจะอยู่เกินกว่าความตายและพวกเขาจะพบการพิพากษาสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำก่อนที่พวกเขาตายและจากโลกนี้

นี่คือเหตุผลที่ทุกคนกลัวความตาย

พวกเขากังวลเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะเจอหลังจากความตาย พวกเขารู้ว่าวิญญาณของเขายังคงอยู่แม้ว่าร่างกายจะตายไปแล้ว

แม้แต่คนที่ฆ่าตัวตายทำเช่นนั้น ด้วยความหวังว่าจะได้พบกับ"ผู้พิพากษา"ที่มีความเมตตาช่วยให้เขาพบสันติสุขและพ้นจากความทุกข์ฝ่ายร่างกาย

 

คนกลัวความตายเพราะว่าพวกเขารู้ว่าเขาได้ทำในสิ่งที่ผิดด้านกายภาพและพวกเขารู้ว่าจะถูกลงโทษ ลองถามใครก็ใดว่า "คุณสมบูรณ์แบบหรือเปล่า คุณเคย​ทำ​ผิดหรือไม่" และพวกเขาจะยอมรับว่ามีบางอย่างที่เขาได้กระทำผิด พวกเขาได้ทำร้ายผู้อื่นโกหกหรือโกง พวกเขาไม่ได้ช่วยเหลือคนอื่น พวกเขาเกลียดคนอื่น พวกเขามีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่สมรสของเราหรือพวกเขาเมา ทุกคนรู้ว่าพวกเขาจะยืนอยู่ต่อหน้า "ผู้พิพากษา" ที่จะทำให้พวกเขารับผิดชอบต่อการกระทำที่ผิด ๆ ที่พวกเขาทำในช่วงชีวิตของพวกเขาที่เป็นบาป

"ศาสนา" คือการสอนหรือวิธีการเกี่ยวกับการที่ผู้คนจะได้รับความเมตตาจาก "ผู้พิพากษา" ที่พวกเขาจะพบหลังจากความตายได้อย่างไร มีหลายร้อยศาสนาที่สอนวิธีต่างๆในการแก้ปัญหาการถูกลงโทษหลังจากที่เราตาย "ศาสนา" ทั้งหมดกล่าวถึงเรื่องนี้ "ฉันจะทำอย่างไรเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษโดย'ผู้พิพากษา'ได้อย่างไร?"

ทุกศาสนาเป็นสิ่งที่ดี

ส่วนใหญ่ของเราเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า "ทุกศาสนาเป็นสิ่งที่ดี" เราได้ยินคนพูดคำแถลงนี้เมื่อเราพูดกับคนอื่นเกี่ยวกับศาสนาของเราและพวกเขาปฏิบัติตามศาสนาที่แตกต่างจากศาสนาของเรา คำกล่าวนี้ "ทุกศาสนาเป็นสิ่งที่ดี" เป็นวิธีการที่จะย้ายการสนทนาไปที่เรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด มีวัตถุประสงค์เพื่อพูดว่า "คุณเชื่อในสิ่งที่คุณเชื่อและฉันจะเชื่อในสิ่งที่ฉันเชื่อ"

“ความ จริง อะไร?”

มีความจริงบางอย่างในข้อความว่า "ทุกศาสนาเป็นสิ่งที่ดี" เพราะเกือบทุกศาสนามีคำสอนบางอย่างที่ "ดี" และสอนให้คนทำสิ่งที่ดีในชีวิต ถึง่แม้ว่าทุกศาสนาจะสอนอะไรบางอย่างที่ "ดี" แต่ศาสนาทุกศาสนาก็สอนวิธีเตรียมตัวพบผู้พิพากษาแตกต่างกันไป ไม่มีสองศาสนาที่สอนวิธีการเดียวกันเพื่อหาทางหนีจากการพิพากษาที่ทุกคนจะเจอหลังจากความตาย

แต่ผลไม้ทั้งหมดคือสตรอเบอร์รี่

การกล่าวว่า "ทุกศาสนาดี" เหมือนพูดว่า "ผลไม้ทุกชนิดเป็นสตรอเบอร์รี่ มันเป็นเรื่องจริง "สตรอเบอร์รี่" เป็นผลไม้ แต่ผลไม้ทั้งหมดไม่ได้เป็น "สตรอเบอร์รี่"; เพียงชนิดเดียวเป็น "สตรอเบอร์รี่"  ไม่มีสองศาสนาที่สอนวิธีการเดียวกันเพื่อหาทางหนีจากการพิพากษาที่ทุกคนจะเจอหลังจากความตาย เนื่องจากศาสนาทุกศาสนาสอนวิธีแตกต่างเกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับการเสียชีวิตเรารู้ว่าศาสนาทั้งหมดมีการสอนไม่ถูกต้องหรือถ้ามีหนึ่งศาสนาที่ถูกต้องศาสนานั้นก็เป็น

ศาสนาหนึ่งเดียวเท่านั้นที่มีการสอนที่ถูกต้อง นั่นหมายความว่าถ้ามีศาสนาที่สอนให้ "ความจริง" เกี่ยวกับวิธีการเตรียมความพร้อมสำหรับการตายและการประชุมกับ "ผู้พิพากษา" ที่จะตัดสินใจที่เราจะถูกลงโทษหรือไม่ นั่นคือศาสนาเดียวที่สอน"ความจริง"   

คุณและฉันต้องตัดสินใจว่าเราจะเชื่ออะไร เราต้องค้นหา "ความจริง" การเรียนการสอนอะไรเราจะเชื่อ?  เราจะเชื่อใคร? เราต้องถามคำถามเดียวกันผู้พิพากษาชื่อปีลาตถามพระเยซูว่า "ความจริงคืออะไร?"

นี่คือการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดที่เราจะทำในชีวิตทั้งหมดของเรา การตัดสินใจครั้งนี้มีความสำคัญมากกว่าการตัดสินใจว่าเราจะแต่งงานกับใคร หรือถ้าเราจะมีลูกหรือไม่ หรือ เราจะดำเนินการศึกษาต่อต่อหรือไม่ หรือ เราจะเลือกอาชีพอะไร  สิ่งที่เราจะเชื่อและไว้วางใจเป็น

การตัดสินใจที่สำคัญที่สุด   เราอยู่ในโลกนี้เพียงเจ็ดสิบหรือแปดสิบปีเท่านั้น แต่การตัดสินใจเรื่องความจริงนี้จะกำหนดว่าเราจะใช้ชีวิตนิรันดร์ที่ไหน เราจะเชื่ออะไร และเราไว้วางใจอะไร เราจะไว้วางใจใคร  นี่คือการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดที่เราจะทำได้

คุณถูกสร้างขึ้นด้วยจิตวิญญาณและมีร่างกาย พระเจ้าทรงเป็นวิญญาณ คุณมีจิตวิญญาณเพื่อให้พระเจ้าสามารถสื่อสารกับคุณได้ พระเจ้าต้องการให้คุณได้ยินพระองค์และรู้ว่าพระองค์ต้องการให้คุณทำอะไรในชีวิต พระองค์ต้องการให้คุณรู้ "ความจริง"

ถ้าความจริงคือพระเจ้าสร้างมนุษย์ทุกคนและพระเจ้าต้องการให้ทุกคนมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์เองพระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษาที่เราจะพบหลังจากที่เราจะตาย มันคงโง่เง่าถ้าพระเจ้าทรงสร้างเราและจะไม่บอกความจริงเกี่ยวกับพระองค์  พระเจ้าไม่ได้ทำให้เราโง่ พระเจ้าให้เรา "ความจริง" และ พระเจ้าทรงให้เรามีหลักฐานเพื่อ "พิสูจน์" สิ่งที่เป็น "ความจริง" พระเจ้าต้องการให้ทุกคนเข้าใจความจริงเพื่อให้เราสามารจะตัดสินใจว่าเราต้องการจะเชื่อฟังความจริงของพระเจ้าหรือไม่

ในโพสต์ต่อมาเราจะอธิบายให้คุณมีหลักฐานที่พิสูจน์สิ่งที่เป็นความจริง ดังนั้นเราทุกคนจะได้รู้ว่าคำตอบของคำถามที่ผู้ว่าราชการ ว่าราชการปีลาตถาม:

“ความ จริง อะไร?”

คิดถึงเรื่องนี้ อธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้